ตายแล้วจะไปไหนดี

จันทนา นิพพานา

star-blank star-blank star-blank star-blank star-blank

ตายแล้วจะไปไหนดี-หน้าปก-ookbee ดาวน์โหลดแอป

เกี่ยวกับหนังสือเล่มนี้

เมื่อเร็วๆนี้ผู้เขียนได้อ่านข่าวการไปทำการุณยฆาตที่สวิสเซอรแลนด์ ด้วยความสมัครใจของบุคคลสองท่าน โดยท่านหนึ่งมีอายุที่มากแล้วและมีสุขภาพกายที่ดี แต่มีความเบื่อหน่ายที่จะใช้ชีวิตอยู่ต่อไป และอีกหนึ่งท่านอายุยังไม่มากนัก แต่มีปัญหาทางสุขภาพทางกายอย่างรุนแรงและไม่มีทางรักษาให้หายขาดได้ จึงตัดสินใจที่จะจบชีวิตของตัวเองลงด้วยวิธีนี้ หลังจากที่ได้อ่านข่าวนั้นแล้วผู้เขียนก็ต้องขอชื่นชมในความกล้าหาญและเด็ดเดี่ยวของทั้งสองท่านนี้เป็นอย่างมาก ถ้าท่านได้ทำการตัดสินใจเลือกวิธีการแก้ปัญหาที่กำลังเผชิญอยู่นี้อย่างรอบคอบ ไม่ได้ทำด้วยอารมณ์เพียงชั่ววูบที่ต้องการจะหนีให้พ้นไปจากปัญหาที่กำลังเผชิญอยู่นี้เท่านั้น และที่สำคัญถ้าท่านสามารถปล่อยวางในกายสังขารหรือร่างกายที่เปรียบเสมือนเรือผุหรือเกวียนที่ชำรุดนี้ได้อย่างแท้จริงแล้ว ซึ่งวิธีการคิดเช่นนี้จะแตกต่างไปจากวิธีการที่บุคคลทำการฆ่าตัวตายแบบใช้แต่อารมณ์เพียงเพราะว่าไม่สามารถที่จะเอาชนะความอยากที่จะหนีให้พ้นจากความทุกข์ในขณะนั้นไปให้ได้เท่านั้น เพราะการฆ่าตัวตายแบบที่ไม่ได้มีการคิด ไตร่ตรองให้รอบคอบ แต่ทำไปเพียงเพราะต้องการที่จะหนีจากปัญหาที่กำลังเผชิญอยู่ไปให้ได้นั้นส่วนใหญ่แล้วดวงจิตเหล่านั้นก็จะต้องไปลงเอยที่อบายภูมิอันได้แก่ นรกภูมิ เป็นต้น ยิ่งถ้าไม่ได้เข้าใจในเรื่องของการเวียนว่ายตายเกิด การเกิดแก่เจ็บตายและไม่ได้ทำการฝึกฝนการวางจิตให้ถูกต้องมาบ้างก่อนตายมานั้นดวงจิตนั้นๆก็ยังจะต้องหลงทางอยู่ในสังสารวัฏนี้ไปอีกนาน ดังนั้นถ้าจิตของทั้งสองท่านที่ได้กล่าวมาข้างต้น ได้ผ่านการฝึกฝน เตรียมตัว จนสามารถเข้าใจถึงหลักการของกฎแห่งกรรม การเวียนว่ายตายเกิด และความไม่เที่ยงของสังขารและสิ่งต่างๆมาบ้างแล้ว และสามารถที่จะปล่อยวางความยึดในร่างกายอันเป็นของชั่วคราวนี้ลงไปได้ด้วยจิตที่สงบนิ่งเพราะเบื่อหน่ายต่อการที่จะต้องมาเวียนเกิดเวียนตายและต้องมาพบเจอกับสภาวะของความทุกข์ทรมานเช่นนี้อีกแล้ว ผู้เขียนก็เชื่อว่าทั้งสองท่านจะต้องได้ไปเกิดใหม่ในภพภูมิที่ดีหรือไม่ต้องมาเกิดอีกเลยถ้าทั้งสองท่านสามารถวางจิตได้ถูกต้องจริงๆ ดังในพระสูตรที่พระพุทธองค์ได้ทรงตรัสไว้เกี่ยวกับการฆ่าตัวตายที่ไม่สมควรถูกตำหนิเสมอไปไว้ดังนี้ว่า ปัญหา : เรื่องมีอยู่ว่า พระฉันนะอาพาธหนัก และคิดจะฆ่าตัวตายด้วยศาสตรา(อาวุธ) พระสารีบุตรได้เทศนาสั่งสอนและห้ามปรามท่านไว้ แต่ในที่สุดพระฉันนะก็ฆ่าตัวตายไปจนได้ และได้รับคำตำหนิติเตียนจากญาติมิตรและคนอื่นๆเป็นอันมาก พระสารีบุตรจึงทูลถามพระพุทธองค์ในเรื่องนี้ ซึ่งพระพุทธองค์ได้ทรงตรัสตอบไว้ดังนี้ พุทธดำรัสตอบ : “ดูก่อนสารีบุตร พระฉันนะยังมีสกุลมิตร สกุลสหายและสกุลอื่นๆที่คอยตำหนิอยู่ก็จริง แต่เราหาเรียกบุคคลว่า สมควรถูกตำหนิด้วยเหตุเพียงเท่านี้ไม่.... บุคคลใดแลทิ้งกายนี้และยังยึดมั่นในกายอื่น บุคคลนั้นเราเรียกว่า สมควรที่จะถูกตำหนิ แต่ฉันนะภิกษุหามีลักษณะเช่นนี้ไม่ ฉันนะภิกษุหาศาสตรามาฆ่าตัวตาย อย่างไม่สมควรถูกตำหนิ” จะเห็นได้ว่าแม้แต่พระพุทธองค์ท่านก็ทรงให้ความสำคัญต่อการวางจิตให้ถูกต้องก่อนตาย คือถ้าคนผู้นั้นสามารถเข้าใจถึงความทุกข์ในสังสารวัฏนี้ได้และไม่ต้องการที่จะมาเกิดอีกเพราะเบื่อหน่ายต่อความสุขและทุกข์ที่ไม่เที่ยงทั้งหลายจริงๆเท่านั้น จึงสมควรที่จะทำการฆ่าตัวตายโดยไม่ถูกตำหนิจากผู้ใดได้ แต่ถ้าบุคคลผู้นั้นกระทำการฆ่าตัวตายเพียงเพราะต้องการที่จะหนีให้พ้นต่อปัญหาหรือความทุกข์ที่กำลังเผชิญอยู่ไปให้ได้เท่านั้น โดยหวังว่าอาจจะได้ไปเกิดใหม่ในภพภูมิที่ดีขึ้นเมื่อตายไปแล้ว เช่นนี้แล้วโอกาสที่จะได้ไปเกิดใหม่ในอบายภูมิที่มีแต่ความทุกข์ทรมานก็จะเป็นไปได้มาก “ตายแล้วจะไปไหนดี” จึงเป็นหนังสือที่เหมาะสมต่อการเป็นคู่มือหรือแนวคิด สำหรับท่านผู้อ่านที่มีความต้องการที่จะเรียนรู้ถึงวิธีที่ถูกต้องตามแนวทางที่พระพุทธองค์ได้ทรงบอกสอนไว้ ในการที่จะดำรงชีวิตให้อยู่เป็นสุขในทุกๆขณะ และการเตรียมกายและใจของตัวเองให้พร้อมเมื่อช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตมาถึง เพื่อที่จะได้ไม่ต้องหลงทางไปเกิดในภพภูมิที่จะทำให้ต้องเผชิญกับความทุกข์หนักใดๆ เช่น อบายภูมิหรือนรก ฯลฯกันได้อีก โดยในหนังสือเล่มนี้ผู้เขียนได้สอดแทรกแนวคิด ตัวอย่างตลอดจนคำแนะนำต่างๆที่เป็นไปในแนวทางเดียวกับคำสอนที่พระพุทธองค์และพระอริยบุคคลทั้งหลายได้ทรงเมตตาบอกสอนเอาไว้ถึงแนวทางของการพ้นไปจากความทุกข์ทั้งปวงเอาไว้ในเกือบจะทุกบท เพื่อที่ท่านผู้อ่านจะได้เห็นภาพและเข้าใจในสิ่งที่ผู้เขียนต้องการจะสื่อนี้ได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น ซึ่งการที่จะเตรียมตัววางแผนชีวิตหลังความตายของเรานั้น มันก็ไม่ได้เป็นอะไรที่ยากเย็นจนเราไม่สามารถที่จะทำกันได้ เพียงแต่เรามีความจำเป็นที่จะต้องมีศรัทธาที่มากพอในเส้นทางที่พระพุทธองค์ได้ทรงบอกสอนไว้นี้ โดยเร่งทำความเข้าใจในเรื่องของกฎแห่งกรรม และหัวข้อธรรมที่สำคัญๆบางข้อ เช่น อริยสัจสี่ มรรค 8 และปฏิจจสมุปบาท เป็นต้นนี้ให้ได้กันเสียก่อนเท่านั้น ทั้งนี้เพื่อฝึกให้จิตของเราเข้าใจและยอมรับที่จะจดจำแต่ในวิธีที่ถูกต้องนี้ใส่เข้าไปไว้ในจิตของเราให้ได้มากพอ เพราะใจความสำคัญของการเตรียมตัวของเราให้พร้อมก่อนที่จะตายจริงนั้นก็ คือการฝึกฝนกายและจิตของเราให้คุ้นเคยอยู่แต่ในสิ่งที่เป็นกุศลหรือเป็นอุเบกขา (เฉยๆแบบมีสติรู้ตัว)ให้ได้มากพอ เพื่อที่จะทำให้จิตนั้นอยู่ในสภาพที่พร้อมที่จะเผชิญกับความตายอย่างมีสติ โดยจะไม่กลัว หรือตื่นตกใจใดๆกับสภาวะคับขันที่กำลังมาถึงนั้นด้วยความเข้าใจในเรื่องของเหตุปัจจัยทั้งหลายได้เป็นอย่างดีแล้ว ซึ่งถ้าทำได้ดังนี้ โอกาสที่เราจะ “หลงตาย” จนทำให้ต้องไปเกิดใหม่ในอบายภูมิก็จะไม่เกิดขึ้น อีกทั้งยังทำให้เราเกิดมีความมั่นใจและสบายใจขึ้นได้ในทุกๆขณะว่าอย่างน้อยที่สุด เราก็จะไม่ต้องไปเกิดในอบายภูมิที่มีแต่ความทุกข์ทรมานหนักใดๆได้อีก


หมวดหมู่
ธรรมะและปรัชญา
สำนักพิมพ์
Patidja.555
ประเภท
PDF
ราคาหน้าปก
N/A
ISBN
N/A
จำนวนหน้าดิจิตอล
0 หน้า
วันที่เปิดขาย
28 January 2020
ประเทศ
Thailand
ภาษา
Thai