เกี่ยวกับหนังสือเล่มนี้

เจมส์: ผมเป็นนายแบบที่ได้รับความนิยมสูงสุดในตอนนี้ มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วประเทศไทย ได้รับการขนานนามว่าเป็น ‘เจ้าชายแห่งวงการนายแบบ’ และยังครองตำแหน่ง Top Model Contest Thailand 3 ปีซ้อน ที่ทั้งสาวน้อยสาวใหญ่ต่างก็กรีดและโหวตให้เป็น “ผู้ชายที่อยากขอให้มาเป็นแฟน” อันดับหนึ่ง ติดต่อกันตั้งแต่ก้าวเข้าวงการมา ผมเป็นลูกครึ่งไทย-เยอรมัน อายุ 22 ปี เรียนอยู่ปี4 คณะแพทย์ศาสตร์ ของมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งในกรุงเทพ ด้วยรูปร่างที่สูง สง่า กับความสูง 192 ซ.ม. ผมสีน้ำตาลแดง ดวงตาสีน้ำตาลเข้ม จมูกโด่ง รูปหน้าที่โดดเด่นที่ผสมกันระหว่างคนเอเชียกับยุโรป ทำให้ดูเด่นสะดุดตา อีกทั้งยังเป็นหนึ่งในทายาทของตระกูลที่มั่งคั่ง ที่เป็นเจ้าของโรงพยาบาลหลายแห่งในไทยและต่างประเทศ เรียกได้ว่ารูปหล่อ พ่อรวย สมกับสมยานาม “เจ้าชายแห่งวงการนายแบบ” เลยทีเดียว ใครๆ ก็บอกว่าผมเจ้าชู้ ไม่คบใครจริงจัง ก็ช่วยไม่ได้นี่นา ก็ผมยังไม่เจอ ‘เนื้อคู่’ ของผมนี่ครับ ก็นะ แค่ผมเก๊กหน้าหล่อ ส่งยิ้มหวานๆ ด้วยมาดเจ้าชาย แค่นี้ทั้งชายทั้งหญิงต่างก็หลงเสน่ห์และเสนอตัวให้ผมเองทั้งนั้น ผมไม่เคยขาดแคลนเรื่องคู่นอนเลย ผมนะเป็น ‘ไบ’ คือได้ทั้งหญิงและชาย แต่ถ้ากับผู้ชายละก็ผมเป็น ‘รุก’ ครับ แคท: ผมเป็นเด็กถูกทิ้ง ไม่รู้ว่าใครเป็นพ่อแม่ที่แท้จริง ได้ ‘ตระกูลกิจจะ’ เก็บมาเลี้ยงตั้งแต่ยังเด็ก หลังจากเรียนจบ ป.ว.ส. แผนกช่างไฟฟ้าและอิเลคทอนิค ผมก็แยกออกมาอยู่คนเดียว ได้งานทำจากการแนะนำจากรุ่นพี่ที่สนิทคนหนึ่ง ตอนนี้ผมทำงานเป็น “ช่างเทคนิค” ของสถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่งในกรุงเทพ งานของผมในตำแหน่ง ‘ช่างเทคนิค’ คือการประกอบและลื้อฉาก ติดตั้งระบบไฟและปรับแต่งแสงไฟประกอบฉากละคร ซึ่งก็แล้วแต่หัวหน้าและผู้กำกับกองถ่ายจะสั่ง ซึ่งเวลางานของผมส่วนใหญ่จะอยู่ที่สตูดิโอถ่ายทำละครโทรทัศน์เป็นส่วนใหญ่ วันๆเจอแต่นายแบบ นางแบบ ดารา นักร้อง เยอะไปหมด บางคนอาจจะอิจฉา แต่โทษที ไม่ใช่สเปคของผม ผมไม่สนหลอก โดยเฉพาะพวกที่อยู่ในวงการบันเทิง ผมไม่ชอบ ผมอายุ 24 ปี รูปร่างหน้าตาดี ผิวขาว ผมดำยาวปะบ่า ตาสีดำคมเข้ม ความสูง 180 ซ.ม. เรียกได้ว่ารูปหล่อไม่แพ้ใคร ที่สำคัญผมเป็นโสด ไม่สนใจที่จะมีคนรัก เปลี่ยนคู่นอนไปเรื่อยๆ แต่ผมนะเป็นเกย์ ครับ แต่เป็นเกย์ ‘รุก’ นะครับ หลายคนชอบเรียกผมว่า ‘แมวดำเสเพล’ อาจเรียกมาจากซื่อผมที่ชื่อว่า ‘แคท’ ที่แปลว่า ‘แมว’และอาจเป็นที่ผมมี ‘ผมสีดำ ตาสีดำ’ ด้วยละมั่งเลยถูกเรียกรวมๆ กันว่า ‘แมวดำ’ ส่วนที่เติมคำว่า ‘เสเพล’ นั่นมาจากตัวผมเอง ‘ที่เจ้าชู้ เสเพล ฟันแล้วทิ้ง เปลี่ยนคู่นอนไปเรื่อยๆ ไม่คิดจริงจังกับใคร ไม่คิดจะรักใคร’ ซึ่งผมยอมรับ และอาจเป็นเพราะ ผมมีอคติเกี่ยวกับความรักและความสัมพันธ์ของผู้คนในสังคม ผมว่ามนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่ชอบโกหก หลอกลวง รักง่าย หน่ายเร็ว เบื่ออะไรง่ายๆ พอเบื่อแล้วก็ทิ้งขว้างไม่ใยดี [เล่ม 4: เล่มจบ, บทที่ 31-40, ตอนพิเศษ, NC18+, มีภาพประกอบฉาก NC]